|
ฟอร์ติเน็ต เปิดตัวอุปกรณ์ตรวจสอบช่องโหว่ในระบบฐานข้อมูล เพื่อเสริมประสิทธิภาพการตรวจจับและป้องกันการจารกรรมข้อมูล ฟอร์ติเน็ต ผู้บุกเบิกและผู้ให้บริการชั้นนำด้านโซลูชั่น การบริหารจัดการป้องกันภัยแบบเบ็ดเสร็จ หรือ ยูทีเอ็ม (UTM - Unified Threat Management) ประกาศเปิดตัว FortiDB-1000B ซึ่งเป็นอุปกรณ์ตรวจสอบช่องโหว่ (Vulnerability Assessment: VA) ในระบบฐานข้อมูล รุ่นแรกในตระกูล FortiDB และเป็นผลิตภัณฑ์สำหรับองค์กรขนาดกลาง ซึ่งออกแบบมาเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานข้อมูลโดยการตรวจหาจุดอ่อนในรหัสผ่าน สิทธิ์ในการเข้าใช้ระบบ และการกำหนดค่าต่างๆ ฐานข้อมูลทั้งหลายมีแนวโน้มกลายเป็นเป้าหมายหลักของเหล่าอาชญากรไซเบอร์ เนื่องจาก มีความอ่อนไหวและเป็นแหล่งจัดเก็บข้อมูลอันมีค่า ด้วยเหตุนี้ จึงมีความต้องการเครื่องมืออันทรงพลัง ที่จะมาตรวจจับและปกป้องการจารกรรมข้อมูลมากขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะกับอุตสาหกรรม ในแนวดิ่ง (Vertical industry) เช่น ค้าปลีก ที่ต้องใช้ระบบที่สอดคล้องกับมาตรฐานของระบบชำระเงิน หรือที่เรียกว่า Payment Card Industry Data Security Standard (PCI-DSS) เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลบัตรเครดิตของลูกค้าชาร์ลส์ โคลอดจี ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของไอดีซี ระบุว่า ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ทั้งส่วนที่เป็นข้อมูลบุคคลและข้อมูลสำคัญทางธุรกิจปริมาณมหาศาลถูกจัดเก็บไว้ในฐานข้อมูลขององค์กรและธุรกิจต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งส่วนใหญ่มีมูลค่าเป็นเงินเป็นทองในสายตาของกลุ่มผู้จารกรรมข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ดังนั้น เครื่องมือรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูล อย่างเช่น อุปกรณ์ความปลอดภัยรุ่น FortiDB-1000B ของฟอร์ติเน็ต จึงไม่ได้เป็นเพียงอุปกรณ์เสริมอีกต่อไป แต่กลับกลายเป็นส่วนประกอบสำคัญอย่างยิ่งต่อการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งองค์กรต่างๆ มีหน้าที่ต้องดูแลและเก็บรักษาไว้อย่างดี อุปกรณ์ปกป้องฐานข้อมูล FortiDB-1000B VA เป็นโซลูชั่นรักษาความปลอดภัยให้กับฐานข้อมูล ที่ทำงานอัตโนมัติ คุ้มค่า และครบถ้วนในหนึ่งเดียว พร้อมขีดความสามารถในการประเมินและเสนอคำแนะนำในการแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ ที่พบว่าไม่มีความสอดคล้อง (compliance) กับระบบโดยรวม ทั้งนี้ FortiDB จะทำการตรวจหาช่องโหว่ในฐานข้อมูลที่อาจตกเป็นเป้าของการจารกรรม จากนั้น อุปกรณ์ดังกล่าวจะช่วยป้องกันการจารกรรมข้อมูลสำคัญทางธุรกิจ ตลอดจนข้อมูลส่วนตัว ไม่ให้ตกไปอยู่ในมือของนักจารกรรมข้อมูลที่อาจแฝงตัวเข้ามาในระบบเสมือนเป็นผู้ใช้ที่ได้รับสิทธิ์ถูกต้อง ทั้งนี้ FortiDB จะทำการตรวจหาจุดบกพร่อง แจ้งเตือนผู้ดูแลระบบเกี่ยวกับภัยคุกคามต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น และเสนอคำแนะนำในการแก้ไขจุดบอดดังกล่าวFortiDB-1000B สามารถใช้งานได้กับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย อันได้แก่ Oracle, DB2, Sybase และ SQL Server โดยอุปกรณ์แต่ละหน่วยสามารถรองรับระบบฐานข้อมูลที่เปิดใช้งานพร้อมกันได้สูงสุดถึง 30 หน่วย นอกจากนี้ ฟอร์ติเน็ตยังมีแผนจะพัฒนาผลิตภัณฑ์ตระกูล FortiDB เวอร์ชั่นใหม่ๆ เพิ่มเติมทั้งในระดับ low end และ high end ภายในปี 2008 และ 2009 นี้ ซึ่งจะรองรับการใช้งานฐานข้อมูลพร้อมกันตั้งแต่ 10 ถึง 60 หน่วยตามลำดับ สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ใช้งานฐานข้อมูลนับพันๆ หน่วยที่กระจายอยู่ตามสถานที่ต่างๆ และมีรูปแบบการจัดวางเครือข่าย หรือ network topology ที่หลากหลาย ปัจจุบันฟอร์ติเน็ตได้พัฒนา enterprise version ไว้รองรับความต้องการในส่วนนี้แล้ว การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตระกูล FortiDB ของฟอร์ติเน็ตในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการบรรลุ กลยุทธ์สร้างการเติบโตในระยะยาว โดยขยายขอบข่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทในกลุ่มเอ็นเทอร์ไพรส์เน็ตเวิร์คและแอพพลิเคชั่นด้านความปลอดภัย แอนโทนี่ เจมส์ รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ ฟอร์ติเน็ต กล่าว ผลิตภัณฑ์ในตระกูล FortiDB ช่วยให้ฟอร์ติเน็ตสามารถสร้างเกราะคุ้มกันเครือข่าย ได้ครอบคลุมในชั้นที่ลึกลงไปมากขึ้น ซึ่งรวมถึงในชั้นแอพพลิเคชั่น ทั้งยังช่วยให้สามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่กำลังเป็นที่ต้องการสูงในตลาดไปสู่ผู้ใช้ เพื่อแก้ไขปัญหาใหญ่ๆ ในด้านความปลอดภัยที่องค์กรต่างๆ กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน นั่นคือ การปกป้องข้อมูลลูกค้าและข้อมูลสำคัญขององค์กรFortiDB เป็นเทคโนโลยีที่ให้ความปลอดภัยต่อฐานข้อมูลในระดับ enterprise-class ด้วยนโยบาย และกระบวนการทำงานระดับเอ็นเทอร์ไพรส์ พร้อมออกรายงานการวิเคราะห์ที่มีรายละเอียดครบครัน จนได้รับความไว้วางใจจากสถาบันการเงินและบริษัทตรวจสอบภายในขนาดใหญ่ที่ติดอันดับ Global 100 อุปกรณ์ตรวจสอบช่องโหว่ (VA) ดังกล่าวเป็นอุปกรณ์เสริมขีดความสามารถด้านความปลอดภัยที่สามารถต่อเชื่อมกับเครือข่าย ใช้งาน และบริหารจัดการได้อย่างสะดวกง่ายดาย คุณสมบัติที่ทำให้ FortiDB-1000B แตกต่างจากคู่แข่ง มีดังนี้ประเมินระดับความปลอดภัยโดยอัตโนมัติ ลดภาระงานของผู้ดูแลระบบฐานข้อมูล (DBA) จากเดิมที่ต้องค้นหาช่องโหว่ของระบบด้วยตัวยเอง ทั้งยังลดโอกาสถูกจารกรรมฐานข้อมูล ในช่วงที่ผู้ดูแลระบบลาพักหรือออกจากงาน นโยบายการทำงานที่ละเอียด หลากหลาย และครอบคลุม (best-practice policies) รวมทั้งฟังก์ชั่นอัพเดทนโยบาย ณ ปัจจุบัน เพื่อให้ทันกับภัยคุกคามใหม่ๆ ที่จะเข้ามาบุกรุกฐานข้อมูล รวมทั้งความต้องการของแต่ละอุตสหกรรมและกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไป สามารถขยายเพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้น โดยสามารถตรวจสอบข้อมูลปริมาณมากและรองรับฐานข้อมูลพร้อมกันสูงสุดถึง 30 หน่วยต่ออุปกรณ์ 1 หน่วย ใช้ระบบ Separation of Duty เพื่อแยกการบริหารจัดการออกไปตามบทบาทหน้าที่ของ แต่ละฝ่าย เช่น ผู้ดูแลระบบ, ผู้ดูแลความปลอดภัย และผู้กำกับนโยบาย เป็นต้น ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญของการปฏิบัติงานให้สอดคล้อง (compliance) กับระบบที่ใหญ่กว่า สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม เกี่ยวกับ FortiDB-1000B และผลิตภัณฑ์อื่นๆ โปรดเยี่ยมชมที่ http://www.fortinet.com/products/fortinet_database.html |
| ปรับปรุงเมื่อ 17/11/2008 |