"A citizen of America will cross the ocean to fight for democracy. but won't cross the street to vote..." - Bill Vaughan
"A Man's Feet Must be planted in his country, but his eyes should survey the world." - George Santayana
... Much Much More ...
เหล่าคำคมเท่ห์ๆ หลากหลายประโยคจากพวกผู้นำประเทศหรือคนสำคัญต่างๆ ถูกจารึกไว้ในฉากการตายของตัวผู้เล่นในเกมซีรีย์ Call of Duty แทบจะทุกภาค ซึ่งเมื่อผมอ่านและพยายามทำความเข้าใจก็รู้สึกได้เลยว่า "คนสร้างเขาคิดดีจริงๆ"
"Call of Duty เกมเดินหน้ายิงที่มีการวางสคริปที่ยอดเยี่ยมมากๆ มันส์สุดๆ" เพื่อคนหนึ่งบอกกับผมหลังจากเป่าหัวเหล่านาซีไปนับ 10 คน แต่สำหรับผมน่ะเหรอ... ฮึฮึ
Call of Duty เกมแนว FPS เดินหน้ายิงที่มีเนื้อหาไม่ต่างอะไรกับภาพยนตร์ฮอลลีวูดสมองกลวงที่มักยก เรื่องของสงครามโลก วีรกรรมของทหารอเมริกัน หรือแม้แต่เรื่องการเสียสละ มาเป็นธีมหลักของตนเสมอเมื่อคนสร้างคิดอะไรไม่ออก ซึ่งสำหรับผมบอกตรงๆ ว่าน่าเบื่อมาก เพราะมันเหมือนกับดูหนังที่ฉายซ้ำไม่รู้จักจบสิ้นเสียที แต่บนความน่าเบื่อมักมีความมหัศจรรย์ให้ตื่นตาตื่นใจเสมอ เพราะความจริงแล้วซีรีย์ Call of Duty ที่ดูจะกำลังเดินย่ำซ้ำเกมเดินหน้ายิงดาษๆ ทั่วไป (และเสียงวิพากย์วิจารณ์ที่ดูจะแย่ลงทุกที) กลับถูกโมดิฟายใหม่โดยทีมงาน Infinity Ward ให้ออกมาเป็นสงครามในแบบอนาคตกับ Modern Warfare โดยมีการเปลี่ยนธีมหลักของเกมจากสงครามโลกยุคเก่าเป็นยุคใหม่ล้ำอนาคต อีกทั้งทางทีมงานยังพยายามสร้างโครงเรื่องของตัวเกมขึ้นมาใหม่โดยยึดข้อมูล จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ เช่น เหตุการณ์ในอาฟกานิสถาน นาวิกโยธินสหรัฐอเมริกันหรือเหตุการณ์ฆ่าตัวประกันที่สนามบิน เป็นต้น ซึ่งแน่นอนว่าการที่ Infinity Ward เลือกทำอย่างนั้น มีผลให้ Modern Warfare ภาคแรกดังเป็นพลุแตกอีกครั้ง โดยจุดเด่นของ Modern Warfare ภาคแรกนั้นอยู่ที่การวางโครงเรื่องที่น่าสนใจ รวมถึงการวางอารมณ์ของตัวเกมที่พยายามให้ผู้เล่นรู้สึกว่า "ตรูไม่ได้เล่นกับสคริปเกมที่วางไว้ แต่ตรูกำลังยิงทหารที่มีเลือด เนื้อและหัวใจจริงๆ"
ภาคแรกจบไปภาคสองก็เริ่มขึ้นในชื่อ Modern Warfare 2 พร้อมเนื้อเรื่องที่เข้มข้นมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว ซึ่งเนื้อเรื่องนั้นเริ่มขึ้นหลังจากภาคที่แล้ว 5 ปี เหล่าหน่วยนาวิกโยธิน, SAS, มาคารอฟ ยังคงสู้รบกันอย่างไม่หยุดและแน่นอนว่าในภาคนี้เรายังคงรับหน้าที่เล่นเป็น ตัวละครเหล่านั้น โดยมีเซอร์ไพร์สสุดพิเศษเกี่ยวกับตัวละครตัวหนึ่งที่เสียชีวิตไปจากภาคที่ แล้วด้วย (เล่นเอาคนเล่น งง?!!? แทบทุกคนว่ามันมาได้อย่างไร)
ซึ่งในส่วนของเนื่องเรื่องผมบอกตรงๆ ว่าภาคนี้เนื้อเรื่องค่อนข้างเข้มข้นมาก โดยเฉพาะเรื่องการหักหลังที่ทำให้ผมนึกถึงภาพยนตร์อเมริกันชั่นดีต่างๆ แต่ไม่รู้ด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้นหรืออะไรที่ทำให้เกมในภาคนี้มีความ รุนแรงอยู่ในระดับค่อนข้างฮาร์ดคอร์ อย่างฉากฆ่าล้างผู้บริสุทธิ์ในสนามบินที่ผมรู้สึกว่าผู้สร้างตั้งใจให้ผู้ เล่นได้เห็นถึงความโหดร้ายของพวกกลุ่มโจรที่ชอบทำเรื่องแบบนี้ในโลกของความ เป็นจริง และฉากอื่นๆ ที่ทำให้ผมรู้สึกว่าตั้งแต่ Modern Warfare ภาคแรกผ่านมาทำไมคนสร้างเกมนี้ถึงหัวรุนแรงมากขึ้นจัง เก็บกดอะไรจากปัญหากับ Activision หรือเปล่าพี่!?!
ทั้งนี้ระหว่างที่ผมกำลังเล่นเกมนี้ทั้ง 2 ภาคอยู่ผมกลับรู้สึกว่าทำไมเเกมมันวางสคริปเหตุการณ์คล้ายๆ กันจังว่ะ อย่างภาคที่แล้วโดนนิวเคลียร์ยิงใส่เมืองราบเป็นหน้ากอง มาภาคนี้มียิงนิวเคลียร์ (หรือ EMP?!) อีกแล้วครับ แต่ออกไปนอกโลกแต่ถึงอย่างไรบนโลกก็เละเป็นหน้ากองอยู่ดี หรือแม้กระทั่งฉากสุดท้ายที่แม่มไปเหมือนกับภาคแรกเลยเฟ้ย!! แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะผมถือว่ามันบังเอิญมากกว่าทีมงานไม่มีสมองวางเรื่อง ใหม่แล้วกัน
มาที่เรื่องของกราฟฟิกบ้าง สำหรับในภาคนี้เรื่องของกราฟฟิกก็ยังคงงามเหมือนเดิม อีกทั้งยังมีเอ็ฟเฟ็กใหม่ๆ เพิ่มเข้ามา อย่างเลือดจะติดที่หน้าจอเป็นเม็ดๆ (ย้ำว่าเม็ดเลือดจริงๆ) เวลาเราโดนยิง หรือพวกแสงรวมถึง HDR ที่จะชัดเจนมากกว่าภาคที่แล้ว ส่วนระบบฟิสิกส์แบบคริปยังคงมีเหมือนเดิม แต่ในภาคนี้มีการปรับปรุงฟิสิฟส์ให้ดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้นจนทำให้ผม รู้สึกว่าภาคนี้หลายๆ ฉากฟิสิกส์ทำออกมาได้งามมากกว่าเกมที่ใช้ PhysX จากฮาร์ดแวร์เสียอีก และสุดท้ายขอบอกเลยครับว่าเกมภาคนี้ไม่กินสเป็กเลยครับ แค่การ์ดจอธรรมดาๆ อย่าง 9600GT ก็เอาแบบ Very High อยู่แล้วครับ
ในส่วนเรื่องของเสียงยังคงรักษามาตรฐานที่ยอดเยี่ยมไว้อย่างดี ซึ่งผมบอกตรงๆ ว่าถ้าคุณคิดจะเล่นเกมในซีรีย์ Call of Duty ผมขอให้คุณหาลำโพงและซาวด์การ์ดแบบ Multi Channel หรือหูฟังเทพๆ สักตัวมาใช้งานร่วมกันและคุณจะรู้ว่าเกมๆ นี้บันทึกเสียงได้เยี่ยมแค่ไหน
สำหรับเรื่องของการควบคุม ในภาคนี้การควบคุมยังคงเหมือนภาคก่อน แต่จะมีการเปลี่ยนปุ่มการใช้มีดจาก V เป็น E ซึ่งทำให้ผมใช้มีดไว้ลุยกับเจ้าพวก K9 ได้สะดวกขึ้น อีกทั้งภาคนี้คุณยังสามารถใช้โล้ป้องกัน (เหมือนตำรวจไทยที่ใช้ตอนตีเสื้อเหลือง!!) และมีการใช้มีดลอบฆ่าได้อีกด้วย
สุดท้ายความยากง่ายของเกม สำหรับภาคนี้ขอบอกคำเดียวครับว่ายากมากๆ ศัตรูฉลาดขึ้น เพราะมันสามารถวิเคราะห์ท่าทีการยิงของคุณและพร้อมตั้งรับได้ อีกทั้งศัตรูในภาคนี้ไม่ได้โผล่มาให้คุณยิงแบบตรงสคริปเหมือนภาคก่อนๆ เพราะในภาคนี้ศัตรูจะมาแบบ 360 องศา และขอบอกว่าเวลามาทีมากันเพรียบเลยครับ ซึ่งแน่นอนว่าภาคนี้ถึงแม้ภารกิจจะสั้น (มีประมาณ 18 ภารกิจ) แต่ความยากก็ดูสมส่วนเลยครับ (ผมเล่นแค่ Regular ก็เหงื่อตกแล้ว)
เป็นอย่างไรกันบ้างครับกับเกม Call of Duty Modern Warfare 2 ที่ผมเชื่อว่าอนาคตยังต้องมีภาคต่อไป และชื่อของ Modern Warfare สักวันอาจถูกใช้เป็นชื่อเดี่ยวๆ ไม่ข้องเกี่ยวกับซีรีย์ Call of Duty ก็เป็นได้ (ก็แหมเล่นวางโครงเรื่องซะยอดเยี่ยมอย่างกับ Star Wars เลยนี่) ซึ่งหลังจากที่ผมเล่นจบไป ผมรู้สึกได้ทันทีเลยครับว่า Call of Duty Modern Warfare 2 ช่างเป็นเกมที่คุ้มค่ากับจำนวนค่าตัวเกือบ 2,000 บาทเสียจริงๆ เพราะแน่นอนว่านอกจากคุณจะได้เล่นเนื้อเรื่องหลักแล้ว ในเกมภาคนี้ยังมีโหมดพิเศษอีกมากมาย รวมถึงระบบ Multiplayer ที่เห็นคนที่เขาเล่นแล้วบอกว่ามันส์สุดยอดเลยนี่ครับ ซึ่งในส่วนของข้อดีข้อเสียผมขอยกเป็นข้อๆ ดังนี้
ข้อดี
- เกมดำเนินเรื่องดี เร็ว กระชับ ฉับไว
- เนื้อเรื่องหักหลังระดับตำนาน ที่แม้จะมีกลิ่นอายฮอลลีวูดจ๋า แต่ก็เยี่ยมในแบบเกมเมอร์
- ฉากขับรถ ขับเรือที่เร้าใจกระชากวัยเสียจริงๆ
- ระบบ Interface เข้าใจง่าย เกมเล่นและอินได้ไม่ยาก
- กราฟฟิกสวยในขณะที่เกมกินสเป็กต่ำมาก
- ความสมจริงอยู่ในขั้นดุเดือดเลือดพล่านทีเดียว ศัตรูฉลาดขึ้นมาก
- มีโหมดพิเศษหลังเล่นจบที่มากกว่าภาคก่อนๆ
- แม่มเอ้ย!! เอา HANS ZIMMER มือดนตรีดีกรีออสการ์มาทำดนตรีประกอบด้วยเฟ้ย
- ไอ้บ้า i>.. แม่มไม่ตายได้ไง สุดยอดเลยลุง
- มีฉากลอบสังหารด้วยมีดแบบ Sam Fisher ด้วย เท่ห์โคตะระ
ข้อเสีย
- สคริปเหตุการณ์ช่างน่าเบื่อ เพราะแม่มลอกจากภาคแรกมาเลย
- เลือดจะเยอะไปไหน โดนยิงทีตรูมองอะไรไม่เห็นเลย
- มีฉากโหดร้ายค่อนข้างเยอะมาก เด็กๆ อย่าเล่นเลย เดี๋ยวจะมีคนออกมาโทษอีกว่าเกมผิด ลูกฉันไม่ผิด
- ราคาแผ่นแท้ในไทยโหดร้ายกับคนเงินเดือนต่ำและเยาวชนมาก
คะแนน
9/10 (ขอตัดคะแนนตรงสคริปเหตุการณ์ซ้ำกับภาคแรก ทำให้รู้สึกเหมือนเดาทางเกมได้อยู่)
by Dorapenguin@GamerTechZone.com